วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Pronoun คำสรรพนาม

You must lost your fear of being wrong in order to live a creative life.
คุณต้องละทิ้งความกลัวที่จะผิดพลาดเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์.

สวัสดีค่ะ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน

เรามาลุยกันต่อกับ Part of speech  ชนิดที่ 2  กันเล๊ย...นั่นก็คือ  Pronoun

Pronoun คืออะไร?

เอ๊ะ!!! คืออะไรเอ่ย  บอกได้ไหม ใครจำได้ ช่วยฉันที
แทแดแดม.....นั่นก็คือ คำสรรพนาม นั่งเอง

แบ่งได้เป็น 7 ประเภท

ตั้งใจให้ดีนะคะ สู้ๆค่ะ

💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

1.Personal   Pronoun


ทำหน้าที่ :

🎉Subject (ประธาน)

 " I , you , we , they , he , she , it "

Example:    He is eating mango with him. เขากำลังกินมะม่วง

Example:    Mike  is going to go to the police station.
ไมค์(แทน he)  กำลังจะไปสถานีตำรวจ

🎉Object (กรรม)

  "me , you , us , them, him , her, "

Example:   He is eating mango with him
Example:   Kim  is walking along the street with us .

💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

2.Possessive   Pronoun

ทำหน้าที่ :

🎉 แสดงความเป็นเจ้าของ

 " mine , yours, hers , his , ours, their "

Example :  This bag is mine. กระเป๋าใบนี่เป็นของฉัน

Example :  Those toys are theirs.
เหล่านั้นคือของเล่นของพวกเขา

💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

3.Reflexive    Pronoun

ทำหน้าที่ :

🎉ประโยคเน้นตัวเอง

 " myself ,    yourself  ใช้ในกรณีที่มีคนเดียว 

  herself  ,  himself, ourselves ,themselves 

yourselves  ใช้ในกรณีที่เป็นคุณหลายคน

Example : He does his  report by himself. เขาทำรายงานด้วยตัวเขาเอง

Example: They  sometimes cook dinner by themselves.
 เขาทำอาหารเย็นก้วยตัวของพวกเขาเองในบางครั้ง

💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

4.Definite  Pronoun

ทำหน้าที่ :

🎉เป็นสรรพนามชี้เฉพาะ

 " This , That , These , Those, One , Ones
Example: This book is very useful.
หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก

Example: David doesn't like that kind of food.
เดวิดไม่ชอบอาหารประเภทนั้น.

💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

5.Indefinite   Pronoun

ทำหน้าที่:

🎉 สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ

 " everybody , someone ,something, anything, no one, none."

Example:  Everybody is standing in front of the post office.
ทุกๆคนกำลังยืนอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์

Example: I don't want  anything from this shop .
ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นในร้านแห่งนี้

💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

6.Interrogative  Pronoun

ทำหน้าที่ :

🎉 คำถาม

" what , who , whom ,whose ,which."

Example : what is your favorite food? คุณชอบอาหารอะไรมากที่สุด

Example: who are you going to go with tomorrow?
พรุ่งนี้คุณจะไปกับใคร

เป็นคำถาม มี ? เสมอ

💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

7.Relative  Pronoun

ทำหน้าที่ :

🎉 เชื่อมความ (ที่,ซึ่ง,...)

" who , whom, whose ,where,which ,that, when"

Example: A man who is sitting beside you is my husband.
ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆคุณคือสามีของฉัน(เอาแล้วไง...งานเข้า อิอิ ฮ่าๆ)

Example: The hospital where you were born is in my hometown.
โรงพยาบาลที่คุณเกิดมันอยู่ที่บ้านเกิดของฉัน


--------------------------------------

who  ใช้กับคน ที่เป็นผู้กระทำ เช่น ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ทำอาหารอร่อย ผู้ชายเป็นคนทำ

whom ใช้กับคน ที่เป็นผู้ถูกกระทำ เช่น ผู้ชายคนที่คุณเจอเมื่อวานหล่อมาก ผู้ชายถูกเจอ

Whose ใช้กับคน ซึ่งใช้ในกรณี แสดงความเป็นเจ้าของ

whereใช้กับสถานที่

which  ใช้กับสิ่งของ

that ใช้กับสิ่งของ

when ใช้กับเวลา

เป็นคำที่ใช้เชื่อมประโยคให้เข้ากัน


💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥💥

Wow!!!เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคน สนุกไหมคะ แหม่..ไม่ยากเลยใช่ไหมเห็นไหมคะว่า ถ้าเราตั้งใจเราจะเข้าใจ สู้ๆนะคะ จบไปแล้วสำหรับ Part of Speech ประเภทที่2 Pronoun หรือ คำสรรพนาม
 แล้วพบกันใหม่นะคะ

🌍สวัสดีค่ะ.🌍

......Never stop learning ......

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Noun คำนาม

Time and tide  waits for no man.
กาลเวลาไม่เคยคอยใคร.

สวัสดีค่ะ.ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีสตรีที่น่ารักทุกท่าน

การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีที่สุดเราควรรู้ที่มาที่ไปของแต่ละบทเรียน และเราควรเรียนรู้ให้ต่อเนื่องกัน. ทุกท่านคะ มีใครเคยได้ยินคำว่า Part of speech ไหมคะ เอ๊ะ!คุ้นๆใช่ไหมคะ แน่นอนค่ะเพราะเราเรียนมาแล้วตั้งแต่สมัยเด็กๆ ฝ. งั้นได้เวลาแล้วที่เราจะมารื้อฟื้นอดีต  เริ่มต้นด้วย" Noun " = คำนาม

🎉 Let's learn about Noun together.

☘   NOUN คำนาม   ☘

⭕️ คำนาม คือ คำที่ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ  สถานที่


เรามารู้จักกับคำนามแต่ละชนิดกันนะคะ

1.Common Nouns  คำนามทั่วไป

คำว่า Common แปลว่า" ทั่วไป"

🔷นามไม่เฉพาะเจาะจง

Example:
 Boy, Book ,television,tree, cat , hippopotamus, dog,School,hospital,hotel,teacher,farmer,etc.

🔷มีความหมายโดยรวม ไม่ได้กล่าวถึงอันนี้อันนั้น

Example:

The boy  [ผู้ชาย: ไม่รู้คนไหน?ผู้ชายคนไหน? ]
 Book      [ หนังสือ: เล่มไหนละคะ? ไม่ทราบชื่อ]

จำง่ายๆว่าถ้าไม่มีชื่อบอกเป็นคำทั่วไป เรียกว่า Common noun

🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈

2.Proper Nouns คำนามเฉพาะเจาะจง

🔷เจาะจง แปลว่า ไปชี้น่าได้เลยว่าเป็นคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้!

Example:

Thailand   (ชื่อประเทศ),
 Somsri     (ชื่อคน)
Chiang Rai   (ชื่อจังหวัด)
Cambridge   (ชื่อมหาลัย)
Samsung / Oppo     (ยีห้อสินค้า)
Sahara dessert     (ชื่อทะเลทราย)

จำง่ายๆว่าถ้ามีชื่อบอก จะเรียกว่า Proper Noun.

🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈

3.Abstract Noun นามธรรม

หรือ เป็นที่คุ้นชินกับคำว่า "อาการนาม"

Courage ความกล้าหาญ
Affection ความรัก
Education การศึกษา
Richness ความร่ำรวย

คำนามชนิดนี้หากเราสักเกตดีๆ จะพบว่า มักจะลงท้ายด้วย   tion ness

🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈

4.Collective noun นามหมวดหมู่

หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ชื่อของหมู่คณะ"

 Class ชั้น แบ่งเป็น3ชั้น
Team ทีม แบ่งเป็น2ทีม
Herd ฝูง แบ่งสัตว์ออกเป็นฝูง
Cluster กลุ่มใช้กับดาวเป็นกลุ่มเป็นกระจุก

เป็นคำที่มักลงท้ายประโยคที่บอกจำนวนเช่น วัว1ฝูง
นักกีฬา4ทีม

🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈

เอาล่ะค่ะ ... นอกจากคำนาม4ประเภทนี้แล้ว ยีงุมีคำนามประเภทอื่นๆอีกนะคะ ที่ยกมาคือประเภทที่สำคัญๆค่ะ

คำนาม ยัง แบ่งออกได้อีก2ประเภท

1.นามนับได้( Countable Noun)

👁‍🗨ต้องเติม s,es เมื่อเป็นพหูพจน์(Plural )

Banana ---- Bananas
house------houses
Book ------ Books
Student----students


👁‍🗨สามารถมีArticle ได้ นั่นก็คือ a,an
a cat , an apple, an elephant, a boy

🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

2.นามนับไม่ได้ uncountable Noun

👁‍🗨ห้ามเติม s,es เด็ดขาด! ถึงจะมีมากก็ตาม

👁‍🗨มีรูปเดียวคือ เอกพจน์
👁‍🗨หากต้องการเปลี่ยนจากมี
1--->มากว่านั้น
 ให้ใช้คำบอกปริมาณแทน

Example: 
Five cups of tea
ชา5แก้ว

👉🏻เราจะไม่เติมs,es ที่น้ำชา เพราะมันนับไม่ได้

Example:
Soap (สบู่) ,furniture (เฟอร์นิเจอร์), beef (เนื้อวัว) , pork(เนื้อหมู) , mutton(เนื้อแกะ) , wood(ไม้แปรรูป) , cloth(ผ้า) , paper ,water, bread , milk ,sugar , etc.

🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

Function of noun (หน้าที่ของคำนาม)


1.Subject   (ประธาน) / (object)


2.Direct object  (กรรมตรง)
- ใช้กับ สิ่งของเท่านั้น

Example:  She give me a book.
หล่อนให้หนังสือกับฉัน.

3.Indirect object   (กรรมรอง)
-ใช้กับคนเท่านั้น

Example:   She give me a book.

โครงสร้างประโยคประกอบด้วย

S+V+O

แต่ Verb คือ คำว่า give
👉🏻อยู่หลังVerb เป็นคน > indirect object [me]
👉🏻อยู่หลังVerb เป็นสิ่งของ > direct object [book]

4.Complement   (ส่วนขยาย)

มักจะตามหลัง V.to be  (is , am ,are)

Example: I am a teacher.
ฉันเป็นคุณครู
ถ้า I am ..... ฉันเป็น...เราจะรู้ไหมเอ่ยว่าเป็นอะไร?ไม่รู้แน่นอนค่ะ
ดังนั้นเราจึงต้องมี Complement (ส่วนขยาย)นั้นเอง

5.Object of a preposition  (กรรมของบุพบท)

Example: 

1. Jack thinks of his mother when he leaves the house.
แจ๊คคิดถึงคุณแม่เมื่อเขาออกจากบ้าน

Preposition = of
คำว่า his mother เป็น Noun และทำหน้าที่เป็น กรรม ของคำว่า" of "

2. Pam has waited for him for a long time.
แพมได้รอเขามานานแล้ว.

Preposition = for
คำว่า him เป็น Noun และทำหน้าที่เป็น กรรม ของคำว่า "for"

🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈🎈



วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Conditional Sentence

Where there's a will there's a way

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น


สวัสดีค่ะ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน.
เรามาเรียนรู้กับบทเรียนต่อไปเลยนะคะ นั่นก็คือ Conditional Sentence หรือ เราอาจจะคุ้นเคยในชื่อ If- Clause นั่นเอง


Conditional Sentence ?


🎉 ประโยคเงื่อนไข "การคาดการขึ้นมาว่า ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นก็จะมีสิ่งนั่นเกิดขึ้นมาตาม"

แบ่งได้2ส่วน คือ

1.  If - clause--> ตั้งแต่คำว่า if
2. Main Clause-->ส่วนที่เหลือ(ประโยคหลัก)

Ready set go.!!!!! [เข้าที่ ระวัง ไป!!!]

🌺🌺🌺.......................🌺🌺🌺



ขั้นที่ 1 : ประโยคที่เป็นจริงเสมอ



โครงสร้าง : If + Present, Present

Example: If ice cream touches the sun,it melts
ถ้าไอศกรีมสัมผัสกับแดด,มันก็จะละลาย

 Example: If you hit the babies ,they cry .
ถ้าคุณตีเด็กทารก,เขาก็จะร้องไห้

Example: If the papaya is ripe ,It becomes yellow.
ถ้ามะละกอสุกแล้ว,มันก็จะเป็นสีเหลือง.

สรุป first Conditional (ขั้นที่1)

👉🏻ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ

👉🏻ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

👉🏻เป็นไปตามธรรมชาติ

🔹ตัวอย่างบอกว่า

ไอศกรีมละลาย ( ไอศกรีมละลายเป็นเรื่องธรรมชาติ)

ตีเด็กทารกแล้วร้องไห้ (ตีแล้วไม่ร้องนี้Amazing King Kong มากค่ะ)

มะละกอสุกจะมีสีเหลือง (มะละกอของใครสุกแล้วสีชมพู เย้ย!!!คงไม่มีนะคะ มันเป็นไปตามธรรมชาติ)

☘............☘..............☘...........☘


ขั้นที่2 : ประโยคที่เป็นไปได้ในปัจจุบันและอนาคต

โครงสร้าง: If + Present Simple,Future Simple

Example: If you study hard,you will be smart.
ถ้าเธอตั้งใจเรียน,เธอจะเรียนเก่ง

Example: If she reads a lot , she'll be expert.
ถ้าหล่อนอ่านหนังสือมากๆ,หล่อนจะเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญ.

Example: If he practices Basketball everyday, he'll be strong
ถ้าเขาเล่นบาสเกตบอลทุกวัน,เขาจะแข็งแรง

สรุป : Second Conditional (ขั้นที่ 2)

👉🏻ใช้สำหรับประโยคที่เป็นไปได้ในปัจจุบันและอนาคต

👉🏻 สามารถเปลี่ยนแปลงได้

👉🏻กล่าวถึงการคาดหวังขณะนั้นหรือคาดไปในอนาคตว่าถ้าทำแบบนี้จะต้องได้แบบนี้

🔹ตัวอย่างบอกว่า

ตั้งใจเรียนจะเรียนเก่ง
-ขณะนั้นเราคาดหวังว่าถ้าเราตั้งใจตอนนี้เราจะเก่งและส่งผลต่ออนาคตด้วย

อ่านหนังสือมากจะเชี่ยวชาญ
-จริงไหมล่ะอ่านมากก็ย่อมรู้มาก ขณะนั้นคาดไว้ ..ขณะที่เราทำก็ย่อมรู้มากแล้วส่งผลไปยังอนาคตอีกก็ย่อมรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

ซ้อมบาสเกตบอลทุกวันจะแข็งแรง
-จริงไหมล่ะถ้าเราซ้อมทุกวัน มันจะทำให้เราอ่อนแอลงหรือป่าว ก็คงไม่นะคะ


☘............☘..............☘...........☘


ขั้นที่ 3 : ประโยคที่เป็นไปไม่ได้ (สมมติขึ้น)

โครงสร้าง : If + Past Simple, would + V.1

Example: If I  were a kid  , I would do that.
ถ้าฉันเป็นเด็กอยู่ฉันจะทำแบบนั้น

Example: If   Pranee  was a cat , She would be very  happy.
ถ้าสมมติปราณีเป็นแมว,หล่อนจะมีความสุขมาก

Example: If all of Thai population  were  expert in Mathematics , It would be very good.
ถ้าคนไทยทุกคนเชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์,มันจะดีมากๆเลย

สรุป : Third Conditional (ขั้นที่ 3)

👉🏻 ใช้สำหรับเหตุการณ์ที่มันเป็นไปไม่ได้

👉🏻สมมติขึ้นเอง ( ถ้าฉันสวยฉันจะเป็นชมพู่ อารยา -3- เอิ่ม..ได้ไหมนั่นน่ะ เป็นไปไม่ได้. ฮ่าๆ)

🔹ตัวอย่างบอกว่า

ถ้าฉันเป็นเด็กอยู่จะทำแบบนั้น
-ในชีวิตเรามันย้อนได้ไหมคะ? ไม่ได้แน่นอน)

ถ้าเป็นแมวจะมีความสุข
-เอ้า !! มนุษย์อะไรจะเป็นแมว งงไหมละ ไม่ได้นะคะ

ถ้าคนไทยทุกคนเชี่ยวชาญทางด้านคณิตศาสตร์ จะดีมากๆ
-เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเชี่ยวชาญในด้านเดียวกันทุกคน

☘............☘..............☘...........☘


ขั้นที่ 4 : ประโยคที่ตรงกันข้ามกับความจริงในอดีต

โครงสร้าง: If + Past Perfect, would have +V.3


Example: If    Nim   had   learned English , She would have worked in USA.
ถ้านิ่มเรียนภาษาอังกฤษมา เขาจะได้ทำงานที่อเมริกา(คือว่า ..ณ ตอนนี้นางไม่ได้เรียนมาไงประเด็น เลยไม่ได้ไปทำที่นั่น)

Example: If Julia had been good manners,Martin wouldn't have abandoned her.
ถ้าจูเลียนิสัยดี,มาตินก็คงจะไม่ละทิ้งเธอไปไหน. (สายไปซะละ)

Example: If Kanda had been confident,She would have won the competition.
ถ้ากานดามีความมั่นใจ,เธอก็คงจะชนะการแข่งขัน (ผ่านมาแล้วกลับไปแก้ไม่ได้นะคะ)

สรุป fourth Conditional (ขั้นที่4)

👉🏻ใช้กับเรื่องที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น

👉🏻กลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว สายไปซะแล้ว

👉🏻ทำได้แค่นึกถึงแต่ย้อนเวลากลับไปไม่ได้ )

☘............☘..............☘...........☘

การสลับตำแหน่ง เอา Main clause มาไว้หน้า , If- clause ไว้หลัง

🎉ไม่ต้องใส่ comma (,)

🎉เรียงโครงสร้างปกติ  สลับแค่ประโยค

Example:   If I  were a kid  , I would do that.

สลับ:   I would do that if I were a kid

🐾โครงสร้างของแต่ละTenseเหมือนเดิม
🐾จะสลับก็ยกมาทั้งTense อย่าหลงพวก อิอิ
🐾if คั่นกลางตัวพิมพ์เล็กเสมอ No comma.

☂.................☂...............☂......☂

The end

การละคำว่า if

ขั้นที่ 2 : Should + Subject
ขั้นที่ 3 :Were  + Subject
ขั้นที่ 4  : Had + subject

Example:

Should you study hard,you will be smart.

Were I a kid, I would do that

Had  Kanda  been confident,She would have won the competition.

👉🏻ตัดคำว่า If ออก แล้วใส่คำเหล่านี้แทน

👉🏻ใช้คำไหนแทน ให้ดูตามโครงสร้างของประโยค


☂.................☂...............☂......☂
เหนื่อยไหมคะ .. เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าเราไม่เข้าใจให้เราลองอ่านวนไปอีกสักครั้งนะคะ หากไม่เข้าใจห้ามข้ามเด็ดขาด จัดการให้เด็ดขาดไปเล๊ย!!😊

☂.................☂...............☂......☂
แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทเรียนต่อไปนะคะ. สวัสดีค่ะ.

          LOVE    ENGLISH   FOREVER


วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Reported Speech

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉


ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว.


สวัสดีค่ะ.ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่น่ารักทุกคน

ห่างหายกันไปนานเลยทีเดียว คิดถึงบทเรียนสนุกๆกันแล้วใช่ไหมคะ
อ๊ะอ๊ะ...พร้อมหรือยังคะ? จากการสำรวจพบว่า บทเรียนต่อไปนี้เป็นเรื่องที่หลายๆคนมีปัญหา สับสนและไม่เข้าใจ เดี๋ยวเราจะมากำจัดปัญหาเหล่านี้ให้หายไปในพริบตาเลยนะคะ. What  is  it?  It's ......


Reported Speech 🤗


Are You Ready?

Let's go!!!

🍄What's Reported Speech?

🍄Reported Speech คืออะไร?

 คำตอบ: เป็นประโยคที่นำคำพูดของผู้อื่นไปเล่าต่อนั่นเอง

🔷 ประโยคที่เกี่ยวข้องกับ  Reported Speech  มีอะไรบ้าง?

🔴 Direct Speech

.....คืออะไร ไม่รู้จัก........

👉🏻การนำคำพูดของผู้อื่นมาพูดแบบตรงๆ

👉🏻ไม่เปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น

🍭จำง่ายๆนะคะ เครื่องหมาย  "........."   นั่นคือ Direct Speech

Example: Adele said, "I work all day "
อเดลพูดว่า "ฉันทำงานทั้งวัน"

🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹

🔴Indirect Speech (Reported Speech)
....อะไรอีกละ มึนตึ๊บเลย.....

👉🏻 การนำคำพูดของผู้อื่นมาเล่าต่อ (เหมือนเรานินทาคนอื่นไงคะ ฮ่าๆ)

👉🏻มีการแปลี่ยนแปลงคำพูดของคนที่เราพูดถึง

 🍭จำง่ายๆ ประโยคIndirect จะไม่มี "......"และไม่มี comma(,)

Example: Adele said she worked all day
อเดลพูดว่าเขาทำงานทั้งวัน
🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹

การเปลี่ยน Direct >Indirect


Step1 :Tense

Step 2 : เปลี่ยนถ้อยคำใกล้>ไกล

ใกล้  เป็น ไกล(ใช้คำซับซ้อนกว่าเดิม)
เปรียบเทียบง่ายๆ เช่น Yesterday
--->the day before

เมื่อวาน---> วันก่อน (วันก่อนวันนี้)
คือมันก็ความหมายเดียวกันจะทำให้งงทำไม เอ้า!!!มันคือกฎก็ตามมันไปค่ะ✌🏻️

   ...โหย! งง สับสนแน่ๆเลย😰
🐸ใจเย็นค่ะ (calm down) มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีกละค่ะ ฮึบๆ ลุย!!


🐠...............🐠..............🐠..........🐠
ข้อตกลงร่วมกัน
Tenseแรก = Direct
Tense ต่อมา= indirect
🐠...............🐠..............🐠..........🐠

1.Simple Present ---->Simple Past


Direct: Adam said, " I'm a doctor ."
อดัมพูดว่า "ฉันเป็นแพทย์"

Indirect: Adam said he was a doctor .
อดัมพูดว่าเขา(ตนเอง)เป็นแพทย์

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

2.Present Progressive --->Past Progressive


Direct: Lani said, "I'm driving a car."
ลานิพูดว่า"ฉันกำลังขับรถอยู่"

Indirect: Lani said (that) she was driving a car.
ลานิพูดว่าตัวเธอเองเนี่ยกำลังขับรถอยู่

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

3.Simple Past -->Past Perfect

Direct: Meay said, " I passed the midterm test "
เหมยพูดว่า, "ฉันสอบกลางภาคผ่าน"

Indirect: Meay said (that) she had passed the midterm test.
เหมยพูดว่าเขา(ตัวเหมยเอง)สอบกลางภาคผ่าน

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

4.Present Perfect -->Past Perfect

Direct: Brian said , " I have eaten dinner."
ไบรอันพูดว่า, " ฉันได้รับประทานอาหารเย็น"

Indirect: Brian said (that) he had eaten  dinner.
ไบรอันพูดว่าเขา(ตัวของไบรอันเอง)ได้รับประทานอาหารเย็น

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

5.Present Perfect Progressive --->Past Perfect Progressive

Direct: Boom  said, " I have been calling Pim  for haft an hour."
บอมพูดว่า,"ฉันได้โทรหาพิมเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว"


Indirect: Boom  said (that) he had calling her for haft an hour.
บอมพูดว่าเขา(ตัวบอมเอง)ได้โทรหาหล่อน(พิม)เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

6.Future (v.to be) +going to--> Was/were going to

Direct:  Jack  said to me " I'm going to play spots at School ."
แจ๊คพูดกับฉันว่า."ฉันจะเล่นกีฬาที่โรงเรียนนะ"

Indirect: Jack told me that he was going to play sports at school.
แจ๊คบอกฉันว่าเขา(ตัวแจ๊คเอง)จะเล่นกีฬาที่โรงเรียนนะ

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

7.Future with will---> Future past form (would)

Direct: Rattana said to me, " My son will go to America Next week."
รัตนาพูดกับฉันว่า."ลูกชายของฉันจะไปอเมริกาอาทิตย์หน้า"

Indirect: Rattana told me that her son would go to America the following week.
รัตนาบอกกับฉันว่าลูกชายของหล่อนจะไปอเมริกาในอาทิตย์ถัดไปนะ

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

8.Can---->Could

Direct: She said, " This girl can speak Chinese."
หล่อนพูดว่า,"เด็กผู้หญิงคนนี้สามารถพูดภาษาจีนได้"

Indirect: She said that girl could speak Chinese.
หล่อนพูดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นพูดภาษาจีนได้

**เปลี่ยนเวลาจากใกล้>ไกล**
[this>that]

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉


9.Must ---> Had to

Direct:  The headmaster  said , " I  must learn English."
ครูใหญ่พูดว่า ,"ฉันต้องเรียนภาษาอังกฤษ"

Indirect: The headmaster said (that) he had to learn English.
ครูใหญ่พูดว่าเขา(ตัวครูใหญ่เอง)ต้องเรียนภาษาอังกฤษ

🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉

ข้อควรจำ!
ถ้อยคำที่พบบ่อยจะอยู่ท้ายประโยค
เมื่อต้องการเปลี่ยน Direct เป็น Indirect (Reported)

today เปลี่ยนเป็น that day

Yesterday เปลี่ยนเป็น the day before

last week เปลี่ยนเป็น the week before

last year เปลี่ยนเป็น the year before

tomorrow เปลี่ยนเป็น the next day

now เปลี่ยนเป็น at that time

next year เปลี่ยนเป็น the year after

here เปลี่ยนเป็น there

this เปลี่ยนเป็น that
.etc.

⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️

เห้อ!!! ยากจังเลย อ่านรอบเดียวไม่เข้าใจ งั้นเราลองทบทวนเรื่อยๆสัก2ครั้ง
ตั้งสติ มีสมาธิ จิตใจจดจ่อ คิดตามสิ่งที่อ่าน ตรงไหนยังติดขัดอ่านวนไปจนเข้าใจห้ามข้าม เพียงเท่านี้คุณก็จะเข้าใจว่ามันง่ายขนาดไหน คุณทำได้ค่ะไม่มีอะไรยากเกินความพยายามของมนุษย์
⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️⚡️

แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทเรียนต่อไปนะคะ. สวัสดีค่ะ🙋🏼

☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂
      GOOD LUCK EVERYONE






วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Active&Passive Voice

ความเกียจคร้านเป็นสัญญาณแห่งความล้มเหลวในชีวิต. ไม่ขยันตอนนี้แล้วจะตอนไหนละคะ🦁-------🦁
 สวัสดีค่ะ ผู้ติดตาม Easy English ทุกท่าน หลายๆคนคงจะเคยได้ยิน คำว่า Passive voice & Active voice ใช่ไหมคะ เอ๊..มีนักเรียนหลายคนที่เรียนเรื่องนี้ไม่เข้าใจ อ่านเองก็ไม่เข้าใจ งั้นเรามาดูวิธีใช้ง่ายๆเพื่อไขข้อสงสัยของนักเรียนไทยหลายๆคนกันเลยนะคะ
พร้อมไหมคะ ? พร้อมแล้ว! ลุย!!!!!

👒--------------👒---------👒

Step 1 📍

Active  Voice  ประธานเป็นผู้กระทำ
🚩เขาดื่มน้ำมะพร้าว 

Passive  Voice ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ.     
🚩น้ำมะพร้าวถูกดื่มโดยเขา

👒--------------👒---------👒

Step 2 📍
Structure: โครงสร้าง
  เมื่อเราต้องการเปลี่ยน
Active--->Passive
🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹 
ต้อง!!!เปลี่ยนตาม Tense ของ Active Voice เท่านั้น!
🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹

ไม่เข้าใจเลย 😰 ตั้งใจศึกษานะคะพยายามเปิดใจ ทำสมองให้ปลอดโปร่งและคิดตามบทเรียนค่ะ
................................................

🍀 Present Simple Tense 


Active:   S + V. Infinitive 

Passive:  S + (is ,am ,are) + V.3

Example:
Active:    They  buy newspaper.
พวกเขาซื้อหนังสือพิมพ์

Passive: The newspaper is bought by them.
หนังสือพิมพ์ถูกซื้อโดยพวกเขา
🐬----------🐬--------------🐬

🍀 Past Simple Tense 

Active: S+(V.2)

Passive:  S + (was , were) + V.3

Example
Active: Pensri  opened the window .
เพ็ญศรีเปิดหน้าต่าง (opened เป็นอดีต)

Passive: The window was opened by her .
หน้าต่างถูกเปิดโดยเพ็ญศรี
🐬----------🐬--------------🐬

🍀  Future Simple Tense 

Active: S + will + V.infinitive 

Passive: S + will be + V.3

Example:
Active: Ford will play basketball.
ฟอร์ดจะเล่นบาสเกตบอล

Passive: The basketball will be played by Ford.
บาสเกตบอลจะถูกเล่นโดยฟอร์ด

🐬----------🐬--------------🐬

🍀 Present Continuous Tense 

Active:    S +( is,am,are )+ V-ing

Passive: S+( is,am,are)+ being +V.3

Example:
Active: Jam is  baking cookies
แจมกำลังอบคุกกี้

Passive: Cookies are being baked by Jam 
คุกกี้กำลังถูกอบโดยแจม

🐬----------🐬--------------🐬

🍀 Past Continuous Tense 

Active: S + (was,were) + V-ing

Passive: S + (was , were ) + being + V.3 

Example:
Active: Parin was making  the handmade products.
ปริญกำลังทำของหัตถกรรม. (ในอดีต)

Passive: The handmade Products   were being made by Parin.
สินค้าหัตถกรรมกำลังถูกทำโดยปริญ (ในอดีต)

🐬----------🐬--------------🐬

🍀Future Continuous Tense

Active: S + will be + V-ing

Passive: S + will be + being + V.3

Example:
Active : We will be singing a Thai song 
พวกเราจะกำลังร้องเพลงไทย

Passive: A Thai song will be being sung by our.
เพลงไทยจะ กำลังถูกร้องโดยพวกเรา 
(อนาคต)

🐬----------🐬--------------🐬

🍀Present Perfect Tense 

Active  :    S + (has , have) + V.3

Passive: S + (has, have) + been+V.3

Example:
Active:  Wittaya  have ridden the bicycle.
วิทยาได้ปั่นจักรยาน

Passive: The bicycle have been ridden by Wittaya 
จักรยานได้ถูกปั่นโดยวิทยา

🐬----------🐬--------------🐬

🍀Past Perfect Tense 

Active: S + had +V.3

Passive: S + had been + V.3

Example:
Active: She had written a letter.
เขาได้เขียนจดหมาย (ในอดีต)

Passive: A letter had been written by her.
จดหมายได้ถูกเขียนโดยเขา

🐬----------🐬--------------🐬

🍀Future Perfect Tense 


Active: S + will have + V.3

Passive: S + will have been + V.3

Example:
Active: I will have done my Economics homework tonight 
ฉันจะทำการบ้านเศรษฐศาสตร์เสร็จคืนนี้

Passive: My Economics homework will have been done tonight.
การบ้านเศรษฐศาสตร์จะถูกทำจนเสร็จโดยฉันคืนนี้


🐬----------🐬--------------🐬

🍀Present Perfect Continuous Tense 


Active: S + has,have +been + V-ing

Passive: S + has , have + been +being + V.3

Example:
Active: He  has been eating steak.
เขาได้กำลังกินสเต๊ก

Passive: Steak  has been being eaten by him
สเต๊กจะกำลังถูกกินโดยเขา

🐬----------🐬--------------🐬

🍀 Past Perfect Continuous Tense 

Active:  S + had been + V-ing

Passive: S + had been + being + V.3

Example:

Active: The Policeman  had been arresting  the thiefs.
ตำรวจได้กำลังจับกุมโจรผู้ร้าย (ในอดีต)

Passive: The thiefs had been being  arrested  by the policeman.
โจรผู้ร้ายได้กำลังถูกจับกุมโดยตำรวจ

🐬----------🐬--------------🐬

🍀Future Perfect Continuous Tense 


Active: S + will  have been + V-ing

Passive : S + will have been +being + V.3

Example:
Active: The soldiers  will have been shooting them.
ทหารจะกำลังยิงพวกเขา

Passive: They will have been being shooted by the soldiers.
พวกเขาจะถูกยิงโดยทหาร

🐬----------🐬--------------🐬

OMG!! อะไรเนี่ย🙉

📍Concept ที่ควรจำ..

การเปลี่ยน จาก Active > Passive 
1. กริยาต้องเป็น V.3
2. ประโยคต้องผันตาม Tenseทั้ง12
3. มักจะมีคำว่า "by " แปลว่า "โดย"
4. สลับ ประธาน& กรรม

The end!!!! แล้วกลับมาพบกันใหม่ใน สถานีต่อไปนะคะ สวัสดีค่ะ👏🏻👏🏻

🐔-----------GOOD LUCK -----🐔

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สรุปโครงสร้าง. 12TENSE

ความประมาทเป็นหนทางแห่งความล้มเหลว. สวัสดีค่ะ หลังจากที่เจาะลึกแต่ละTenseไปแล้ว เราลองมาสรุปโครงสร้างของแต่ละTenseนะคะเพื่อง่ายต่อการจดจำนำไปใช้ในการศึกษาภาษาอังกฤษค่ะ

🍒🍒🍒🍒🍒🍒🍒🍒🍒🍒🍒
S = Subject 

V.infinitive = v.1
V-ing = V.1+ing 
Ex. eating 

has = ใช้กับประธานเอกพจน์(singular)
Ex. She has..
have = ใช้กับประธานพหูพจน์ (Plural)
 Ex. They have......
I คู่ have เสมอ*

Was = ใช้กับประธานเอกพจน์ (singular)
Ex. She was ....
Were = ใช้กับประธานพหูพจน์(Plural)
EX. They were...

🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

1 . PRESENT SIMPLE TENSE

S + V.infinitive
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

2. PAST SIMPLE TENSE 

S + V.2
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

3. FUTURE SIMPLE TENSE 

S + will + V.infinitive

🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣

4. PRESENT CONTINUOUS  TENSE

S + (is , am , are )+ V-ing
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

5. PAST CONTINUOUS TENSE 

S + (was,were) + V-ing  
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻
6. FUTURE CONTINUOUS TENSE 

S + will be + V-ing 

🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣

7. PRESENT PERFECT TENSE 

S + have , has + V.3
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

8. PAST PERFECT TENSE 

  S + had + V.3
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

9. FUTURE PERFECT TENSE 

S + will have + V.3

🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣🐣

10. PRESENT PERFECT CONTINUOUS TENSE 

S + (have,has) + been + V-ing 
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

11. PAST PERFECT CONTINUOUS TENSE 

S + had been + V-ing 
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

12. FUTURE PERFECT CONTINUOUS TENSE 

S + will have been + V-ing 
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

อ่านบ่อยๆนะคะพยายามจำให้ได้แล้วลองเขียนบวในกระดาษดูเพื่อทดสอบว่าตัวเองจำได้มากเท่าไร 
📓ผู้เขียนหวังว่า การสรุปโครงสร้างของTENSE ทั้ง12 จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านนะคะ 
                                        สวัสดีค่ะ.
                

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Future Perfect Continuous Tense

การศึกษาจะประสบผลสำเร็จได้อย่างไร ถ้าใจคุณไม่สู้. สวัสดีค่ะ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ยิ้ปปี้!!!! มาถึงTenseสุดท้ายแล้วนะคะ อดทนอีกนิดนึงค่ะ  ฮึบๆ💪🏻 The last Chapter is  Future Perfect Continuous Tense.  Tenseนี้เรามักจะไม่ค่อยใช้กันมาก แต่ก็ควรศึกษาไว้นะคะ


Future Perfect Continuous Tense ?


โครงสร้าง : Subject + will + have + been + V-ing 


👉🏻เหตุการณ์ที่เกิดก่อน ใช้ Future Perfect Continuous Tense 
👉🏻เหตุการณ์ที่เกิดหลัง ใช้ Present Simple Tense 

🐸..............................................🐸
คำเชื่อมที่พบ ได้แก่ when ,By the time, By the end of_______ . 
🐸..............................................🐸

🚔 หลักการใช้?

🍇🍇🍇ใช้สำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตและควบคู่กับอีกเหตุการณ์หนึ่ง" งงไหมเอ่ย? " ลองดูตัวอย่างนะคะ

🐯.......................🐯......................🐯

Example: Tangmo will have been working for 2 hours  when her manager arrives office at seven o'clock.
แตงโมจะทำงานครบ2ชั่วโมงตอนที่ผู้จัดการเขามาถึงออฟฟิศเวลา7นาฬิกา

เป็นแนวโน้มที่เราคาดคะเนไว้ 
การทำงานเกิดอย่างต่อเนื่องกัน2ชั่วโมงเลยไม่พัก ซึ่งตอนที่เขาทำงานนั้นก็จะตรงกับเวลาที่ผู้จัดการมาถึงออฟฟิศพอดี

🐯.......................🐯......................🐯

Example: Tae and Ton will have been drinking whisky for three hours by the time their parent drive home tonight.
เต้และต้นจะดื่มเหล้าครบ3ชั่วโมงตอนที่พ่อแม่ของเขาขับรถกลับบ้านคืนนี้

เราคิดไว้ก่อน เหตุการณ์นี้ยังไม่เกิดขึ้น
เขาจะดื่มครบ3ชั่วโมงก็ตอนที่พ่อแม่ขับรถกลับบ้านคืนนี้ " มีความมโน "

🐯.......................🐯......................🐯

ExampleBy the end of this year he will have been studying Korean for 29 years 
สิ้นปีนี้เขาจะเรียนภาษาเกาหลีได้ครบ29ปี

เกิดขึ้นในอนาคต  การเรียนได้เรียนอย่างต่อเนื่องและยังคงเรียนต่อไป

🐯.......................🐯......................🐯
Yes!!! I got it , จบไปแล้วสำหรับFuture Perfect Continuous Tense 
เป็นTenseที่เราไม่คุ้นชินเพราะไม่นิยมนำมาใช้มากในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องแปลกใจไปนะคะ ง่ายๆค่ะ เป็นการมโนเหตุการณ์ที่คิดว่าจะเกิดอย่างต่อเนื่องในอนาคต OK?

🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻
If you still not understand Let's try to do this exercise ถ้าใครยังไม่เข้าใจ เรามาลองทำแบบฝึกหัดด้วยกันนะคะ
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻

🚩Exercise: แบบฝึกหัด

จงทำประโยคต่อไปนี้ให้อยู่ในรูป Future Perfect Continuous Tense และใช้ Present Simple Tense ตามหลักการข้างต้น

1. They will cry  when they know this story.

2. We will fight    by the time we brawl tomorrow.

3.By the end of this month she will trek to that place twice.

4. Poppy  will cure at Overbrook hospital for 4 months when her father come  back from Span next 2 months.

🍒-----------🍒-------------🍒---------------🍒

🍭Answer คำตอบ 🍭
1. They will have been crying when they know this story.

2. We will have been fighting  by the time we brawl tomorrow.

3.By the end of this month she will have been  trekking to that place twice.

4. Poppy will have been curing at Overbrook hospital for 4 months when her father come back from Span next 2 months.

🍒-----------🍒-------------🍒--
See you next lesson everyone 
Hope everyone understand 12 Tense 
Thank you❤️

แล้วเจอกันสถานีต่อไปในบทเรียนเรื่องอื่นนะคะ ผู้เขียนหวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะเข้าใจบทเรียนในเรื่องTenseทั้ง12Tenseและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้องค่ะ. ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ

                                             สวัสดีค่ะ